เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำหรับ INFJ ที่เบื่อง่ายและหมดไฟ

ถ้าคุณกำลังรู้สึกเหมือนกำลังวิ่งอยู่บน Treadmill ของชีวิต... ที่วิ่งไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงไหนสักที รู้ไว้เลยว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนเครื่องวิ่งนั้น! และบางทีเราอาจจะช่วยกันหาทางเปลี่ยนให้มันเป็นการวิ่งที่มีความหมายมากขึ้นก็ได้


มาร่วมค้นหาวิธีเปลี่ยนวันทำงานธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นการผจญภัยที่มีความหมาย และเรียนรู้วิธีรักษาไฟในใจ INFJ ให้ลุกโชนอยู่เสมอ... โดยไม่ต้องพึ่งกาแฟถึงสามแก้วต่อวัน!

ทางลัดคนขี้เกียจ

เรื่องราวเริ่มต้น

พูดจริงนะ หลายคนคงเหมือนผม ตอนเจออะไรแนว "เปลี่ยนชีวิตใน 7 วัน" หรือ "10 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ" ก็จะตื่นเต้น ลองทำดู แต่พอผ่านไปสัก 2-3 สัปดาห์ ก็เริ่มเซา เริ่มท้อ สุดท้ายก็กลับมาเป็นคนเดิม แล้วก็นั่งโทษตัวเองว่าทำไมไม่มีจิตใจเข้มแข็ง

จนเจอหนังสือ Atomic Habits ของ James Clear มันเปลี่ยนมุมมองผมไปเลย เพราะมันไม่ได้สอนเราให้เป็นซุปเปอร์แมนข้ามคืน แต่มันสอนเราว่า ความยิ่งใหญ่เกิดจากสิ่งเล็กๆ ที่เราทำซ้ำๆ ทุกวัน แบบไม่ต้องฝืนใจ


Atomic Habits คืออะไรกันแน่

หนังสือเล่มนี้ผลงานของ James Clear ที่เป็นทั้งนักเขียนและคนที่ศึกษาเรื่องพฤติกรรมมนุษย์มา 10 ปี เขาตีพิมพ์หนังสือปี 2018 และตอนนี้ก็ขายไปแล้วหลายล้านเล่มทั่วโลก

ที่น่าสนใจคือ มันไม่ใช่หนังสือที่อ่านแล้วแค่รู้สึกดี แต่เป็นหนังสือที่อ่านแล้วเอาไปใช้ได้จริงๆ ในชีวิตประจำวัน

ทำไม Atomic Habits ถึงพิเศษ

หนังสือพัฒนาตัวเองเกือบทุกเล่มจะบอกให้เรา "ตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ๆ" แต่ Atomic Habits กลับบอกเราว่า "เดี๋ยวก่อน เป้าหมายมันแค่บอกทิศทาง แต่ที่จะพาเราไปถึงจุดนั้นจริงๆ คือนิสัยที่เราทำทุกวัน"

ลองนึกดูสิ คนที่บอกว่า "ฉันอยากจะเป็นนักเขียน" กับคนที่นั่งเขียนวันละหนึ่งหน้าทุกวัน ใครจะเป็นนักเขียนก่อนกัน? คำตอบก็ชัดเจนมาก.

ไอเดียเจ๋งๆ จากหนังสือ

1. เทคนิค 1% แห่งความเปลี่ยนแปลง

James เล่าว่า ถ้าเราพัฒนาตัวเองวันละ 1% แค่นี้เอง ใน 1 ปี เราจะเก่งขึ้นถึง 37 เท่า! เพราะมันจะทบต้นแบบดอกเบี้ย ส่วนถ้าเราแย่ลงวันละ 1% ใน 1 ปี เราจะแย่ลงเหลือแค่ 3% ของเดิม

ฟังดูไร้สาระมั้ย? แต่ลองคิดดูนะ คนที่อ่านหนังสือวันละ 1 หน้า กับคนที่ไม่อ่านเลย 1 ปีต่อมาจะต่างกันแค่ไหน

2. วงจร 4 ขั้นตอนของนิสัย

ทุกนิสัยที่เกิดขึ้นจะผ่าน 4 ขั้นตอนเสมอ

Cue (สัญญาณ) → เราเห็นอะไรบางอย่าง เช่น โทรศัพท์ส่องแสงแจ้งเตือน

Craving (ความอยาก) → สมองเราเกิดความอยาก เช่น อยากรู้ว่าใครส่งข้อความมา

Response (การตอบสนอง) → เราลงมือ เช่น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

Reward (รางวัล) → เราได้รับความพอใจ เช่น ความรู้สึกเชื่อมต่อกับเพื่อน

จุดเริ่มต้นของเรื่องราว

ช่วงที่ผ่านมา ผมเผชิญกับภาวะหมดไฟในการทำงาน ทุกเช้าผมมักถามตัวเองว่า "ทำไมรู้สึกไม่มีอารมณ์จะทำงานเลยย" การทำงานแบบเดิมๆ ตื่นเช้าเข้าออฟฟิศเปิดคอมวนลูปทุกวันแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกท้อและเบื่อหน่าย

การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นเมื่อผมตัดสินใจจับความคิดอันยุ่งเหยิงนี้ มาเรียงเป็นข้อๆ ให้ง่ายขึ้นต่อการหาคำตอบ แทนที่จะปล่อยให้ความกังวลวนเวียนอยู่ในหัว

นี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของบทความนี้ ที่มาจากการลองผิดลองถูกของตัวเอง อ่านหนังสือบ้าง ค้นหาข้อมูลต่างๆบ้าง เพื่อนำมาแบ่งปันในบทความนี้


สาเหตุที่ผมคิดว่าทำให้ INFJ เบื่อง่าย.

ความต้องการเห็นความหมายในทุกอย่าง

INFJ ต้องการความหมายในสิ่งที่ทำ หากงานดูไม่มีจุดประสงค์ที่ลึกซึ้งหรือไม่มีผลกระทบที่ชัดเจน คุณก็อาจรู้สึกเบื่อได้ง่ายๆ

ติดกับดักวงจรซ้ำซาก

คุณอาจทำงานบางอย่างด้วย "หน้าที่" มากกว่า "ความต้องการ" ของตัวเอง ทำให้อารมณ์ดึงดูดคุณไปสู่สิ่งที่ให้ความรู้สึกใหม่แทน

อารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

INFJ มักจะรู้สึกทุกอย่างเข้มข้นกว่าคนทั่วไป เช่น ความวิตกกังวลหรือความเบื่อหน่าย เราก็เลยเหมือนได้ Upgrade เป็น Premium Version!


คู่มือรับมือฉบับ INFJ ที่กำลังหมดไฟ!

เทคนิคเหล่านี้ไม่จำกัดเฉพาะคนไทป์ INFJ เท่านั้น ใครก็สามารถปรับใช้ได้ครับ สิ่งสำคัญคือ เลือกเฉพาะวิธีที่เหมาะสมกับตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องนำไปใช้ทั้งหมดหรือบังคับตัวเองจนรู้สึกกดดันเกินไป

ในอดีต ผมเคยอ่านเทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากมาย แล้วลองนำทุกอย่างมาใช้พร้อมกัน ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าแทนที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ กลับสร้างความกดดันและทำให้รู้สึกเครียดมากขึ้น

หลังจากนั้น ผมได้ปรับเปลี่ยนวิธีการ โดยเลือกใช้เฉพาะเทคนิคที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด ทำให้การทำงานกลายเป็นเรื่องที่มีความสุขและผ่อนคลายขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่าการค้นหาวิธีที่ ใช่ สำหรับตัวเรานั้น เป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างแท้จริงครับ ส่วนจะมีวิธีใดบ้างบทความนี้เรามาดูกันครับ

การเชื่อมโยงงานกับเป้าหมายที่มีความหมาย
  • หากงานดูไม่น่าสนใจ ลองสร้างความหมายขึ้นมา เช่น การมองว่างานนี้เป็นขั้นตอนเล็ก ๆ ที่สำคัญในการพัฒนาตัวเอง
  • มองหาคุณค่าในงานประจำ: "งานนี้จะพัฒนาทักษะอะไรให้เราบ้าง?"
  • สร้างความเชื่อมโยงระหว่างงานปัจจุบันกับเป้าหมายระยะยาว
  • ปรับมุมมองให้เห็นว่าทุกงานคือก้าวย่อยสู่ความสำเร็จ
ผสมผสานสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตประจำวัน
  • เปลี่ยนสถานที่ทำงาน เช่น คาเฟ่หรือสวนสาธารณะ เพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจ
  • ใช้เครื่องมือใหม่ ๆ หรือเทคนิคที่ไม่เคยลอง เช่น แอปจัดการเวลา หรือการทำ Bullet Journal
  • จัดเวลาสำหรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ เช่น อ่านบทความหรือเข้าคอร์สสั้น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน
จัดการความคาดหวังแบบ INFJ
  • ยอมรับว่า "งานที่ดีพอ" นั้นดีกว่า "งานที่สมบูรณ์แบบแต่ไม่เสร็จ"
  • ตั้งเป้าหมายย่อยที่สามารถบรรลุได้ง่าย เพื่อสร้างความมั่นใจและแรงจูงใจ
ออกแบบระบบการสร้างแรงจูงใจของคุณ
  • แบ่งงานออกเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น เทคนิค Pomodoro (ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที) เพื่อหลีกเลี่ยงความเหนื่อยล้า
  • ตั้งรางวัลเล็ก ๆ ให้ตัวเองเมื่อทำงานเสร็จ เช่น การพักผ่อนหรือการดูหนัง
  • หาเพื่อนร่วมงานที่สามารถเป็น "Accountability Partner" เพื่อช่วยกระตุ้นและติดตามผล
ตั้งเวลาสำหรับ “การสะท้อนตัวเอง” (Reflection Time)
  • INFJ มักมองหาความหมายในทุกสิ่ง การตั้งเวลาวันละ 10-15 นาทีเพื่อสะท้อนถึงความสำเร็จหรือประสบการณ์ในวันนั้น จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจและช่วยเรียบเรียงความคิดอันยุ่งเหยิงของเราได้ดีมากๆเลยครับ
  • เครื่องมือ: Apps ต่างๆ เช่น Day One , Notion, หรือสมุดโน้ตก็ได้ครับ
สร้าง Ritual ก่อนเริ่มทำงาน
  • การเริ่มงานด้วยกิจกรรมที่คุ้นเคย เช่น การจิบชากาแฟ ฟังเพลงเบา ๆ จะช่วยส่งสัญญาณให้สมองเตรียมพร้อมทำงาน
พัฒนาทักษะการ “ปฏิเสธอย่างสร้างสรรค์”
  • INFJ มักมีปัญหากับการรับภาระเกินตัว การฝึกพูด “ไม่” อย่างสุภาพ เช่น “ตอนนี้ยังไม่สะดวก แต่ฉันยินดีช่วยในโอกาสถัดไป” ช่วยลดภาระและทำให้คุณโฟกัสกับสิ่งสำคัญได้
เรียนรู้จาก “กระบวนการ” แทนที่จะยึดติดกับผลลัพธ์
  • INFJ มักคาดหวังความสำเร็จที่สมบูรณ์แบบ แต่การเปลี่ยนมุมมองไปที่การเรียนรู้และเพลิดเพลินกับกระบวนการจะช่วยลดแรงกดดัน

สุดท้ายนี้...

การเป็น INFJ ที่กำลังเผชิญกับความเบื่อหน่ายและภาวะหมดไฟไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่เป็นโอกาสที่จะเรียนรู้และพัฒนาวิธีการทำงานที่เหมาะกับตัวเรา

การเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในทันที เริ่มจากการปรับเปลี่ยนเล็กๆ และค่อยๆ พัฒนาจนพบวิธีที่เหมาะกับตัวคุณ ความท้าทายไม่ใช่การหลีกหนีความเบื่อหน่าย แต่คือการเรียนรู้ที่จะจัดการกับมันอย่างชาญฉลาด

เมื่อเข้าใจตัวเองและมีเครื่องมือที่เหมาะสม คุณจะสามารถกลับมามีแรงจูงใจและทำงานได้อย่างมีความสุขมากขึ้นได้

นี่เป็นโพสต์แรกของบล็อกเล็กๆ ของผมเองนะ อาจจะมีอะไรที่ยังไม่เป๊ะ หรือเรียบเรียงแบบงูๆ ปลาๆ อยู่บ้าง แต่เดี๋ยวจะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ใครสนใจก็แวะมาติดตามกันได้นะ มีเรื่องราวดีๆ จะมาแชร์ให้อ่านกันตลอด ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ! ✌️

This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.